เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram ppanward
ศาสนาอิสลาม นับเป็นอีกศาสนาหนึ่งที่มีชาวไทยนับถืออยู่จำนวนมาก การแต่งงานแบบอิสลามจึงมักมีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ “พิธีแต่งงานแบบอิสลาม” ว่ามีความพิเศษอย่างไร
พิธีแต่งงานแบบอิสลาม เรียกว่า นิกะห์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายชายและฝ่ายหญิงตกลงปลงใจจะแต่งงานกัน จากนั้นฝ่ายชายจะให้ผู้ใหญ่ไปทำการสู่ขอ โดยมีการตกลงค่า มะฮัรฺ หรือ สินสอดทองหมั้น และกำหนดวันแต่งงาน
เนื่องจากความเชื่อของศาสนาอิสลาม ไม่เชื่อในเรื่องโชคชะตา จึงไม่นิยมดูฤกษ์ยามก่อนแต่งงาน และมีข้อห้ามไม่ให้เชื่อเรื่องดวงดาวและโชคชะตาต่าง ๆ อีกด้วย ดังนั้น ชาวมุสลิมจึงไม่มีฤกษ์วันแต่งงาน นอกจากความสะดวกทั้งสองฝ่ายเท่านั้น
1. ทั้งชายและหญิงต้องเป็นมุสลิม ถ้าแต่งงานกันไปแล้ว และมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนศาสนา ให้ถือว่าความเป็นสามีภรรยาก็สิ้นสุดลงด้วย โดยถือว่าเป็นการผิดประเวณี
2. ฝ่ายชายจะต้องจัดหาสินสอดทองหมั้น (มะฮัร) ให้กับฝ่ายหญิง และเมื่อแต่งงานกันแล้วสินสอดจะตกเป็นของฝ่ายหญิงเพียงคนเดียว
3. จะต้องมีชายมุสลิมที่มีคุณธรรม มาเป็นพยานในการแต่งงานอย่างน้อย 2 คน
4. จะต้องมี วะลีย์ หรือ ผู้ปกครองของฝ่ายหญิงเป็นผู้ทำหน้าที่แต่งงานให้ ซึ่งหากพ่อแม่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ฝ่ายหญิงจะต้องตั้งบุคคลมาเป็นวะลีย์แทน
5. วะลีย์ของฝ่ายหญิงต้องเป็นผู้เสนอคำขอแต่งงาน (อีญาบ) โดยมีเจ้าบ่าวขานรับ (กอบูล)
จากนั้นจึงมีการเลี้ยงฉลองแต่งงานกันขึ้น เรียกว่า วะลีมะฮฺ โดยที่มีข้อแม้ว่างานเลี้ยงจะต้องไม่ฟุ่มเฟือย เนื่องจากความเชื่อของศาสนาอิสลามนั้น อนุญาตให้มีการฉลองงานแต่งงานได้ แต่จะต้องอยู่ในความพอดี เนื่องจากเป็นความสิ้นเปลือง
ผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม หากต้องการแต่งงานกับชาวมุสลิม จะต้องเปิดใจยอมรับความเชื่อของศาสนาอิสลาม และเชื่อในคำสอนของพระอัลเลาะห์ เนื่องจากศาสนาอิสลามมีความเคร่งครัด และมีข้อห้ามมากมาย ดังนั้นหากเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามเหมือนกับคู่รักได้ ก็จะเป็นเรื่องดีต่อการใช้ชีวิตร่วมกัน
1. กล่าวชะฮาดะฮฺ คือการกล่าวปฏิญาณตน โดยกล่าวว่า "อัชฮะดุอันลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ วะอัชฮะดุอันนะมุฮัมมะดุรฺเราะซูลุลลอฮฺ" แปลว่า "ฉันขอปฏิญาณตนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ต้องเคารพภักดี นอกจากอัลเลาะห์เพียงองค์เดียว และฉันขอปฏิญาณตนว่ามูฮัมมัดคือศาสนทูตของพระองค์"
2. เมื่อกล่าวปฏิญาณตนแล้ว จะอาบน้ำ ซุนนะฮฺ หรือไม่ก็ได้ ซึ่งวิธีการคือการใช้น้ำสะอาดชำระล้างร่างกาย ในขณะที่ตั้งเจตนาว่า "ข้าพเจ้าอาบน้ำชำระล้างร่างกายเนื่องในการเข้ารับอิสลามเพื่ออัลเลาะห์" และกล่าวว่า "บิสมิลลาฮฺ" จากนั้นให้ล้างมือ บ้วนปาก ล้างรูจมูก ล้างแขน 3 ครั้งทีละจุด จากนั้นให้อาบน้ำให้สะอาด และล้างเท้า 3 ครั้ง
3. ตั้งชื่อมุสลิม โดยให้ใครตั้งให้ก็ได้
4. หากเป็นเพศชาย ก็ต้องไปทำคิตาน หมายถึง การขลิบหนังส่วนปลายที่หุ้มอวัยวะเพศ
5. ศึกษาหลักคำสอนของศาสนาอิสลามต่าง ๆ ทั้งข้อใช้และข้อห้าม เพราะเมื่อเข้ารับอิสลาม ทุกอย่างจะเริ่มถูกบันทึกโดยเฉพาะการละหมาด
ฝ่ายหญิงหากเข้านับถือศาสนาอิสลามแล้ว จะต้องระวังเรื่องกายแต่งกาย ให้ปกปิดมิดชิด เปิดได้เฉพาะใบหน้า และฝ่ามือ ไม่ใส่ชุดรัดรูป บาง ๆ หรือเอวต่ำ กระโปรงไม่มีรอยผ่า ถ้าเดินไม่สะดวกให้ใส่กระโปรงที่ไม่แคบ เช่น กระโปรงมีจีบ เป็นต้น
ถึงแม้ว่าจะมีประเพณีที่ค่อนข้างเคร่งครัด แต่การแต่งงานแบบอิสลาม ก็ยังเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่ขาวมุสลิมทุกคน ต้องยึดถือและปฏิบัติตามกันมาอย่างยาวนาน ดังนั้น หากใครต้องการแต่งงานตามประเพณีอิสลาม จึงควรศึกษาและทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อนนะคะ ยินดีด้วยกับคู่รักทุกคู่ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น